สื่อรักข้ามมิติ
เรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งซึ่งกำลังจะฆ่าตัวตาย กับเด็กหญิงอีกคนหนึ่งที่มาจากอีกมิติ...
ผู้เข้าชมรวม
2,443
ผู้เข้าชมเดือนนี้
12
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผมไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไปใช่มั๊ย... คนที่ไม่ควรจะเกิดมา... คนที่ถูกรังเกียจ...
ผมพาร่างกายอันบอบช้ำขึ้นจากพื้นดิน ขาเล็กๆ สั่นระริกด้วยความเจ็บปวด หากแต่สายตายังคงแข็งกร้าวไม่เคยเปลี่ยน ไม่เคยเปลี่ยน...แม้ว่ามันจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องถูกทุบตีจากคนรอบข้างก็ตาม
ถ้าตายไปจะสบายขึ้นรึเปล่านะ แต่คนอย่างผม ถึงตายไปก็อาจจะไม่เป็นที่ต้อนรับทั้งจากสวรรค์และนรกก็ได้ ขนาดพ่อแม่แท้ๆ ของผมยังทิ้งผมไปได้เลย...
"สำเร็จแล้ว!!"
หืม...นั่นมันเสียงของใครกันน่ะ ไม่คุ้นหูมาก่อน ที่สำคัญทิศทางของเสียงมัน...
"ว้าย!!~"
ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นไปมองข้างบนเพื่อหาต้นเสียง ก็พบว่าเจ้าของเสียงนั้นกำลังตกมาหาผมพอดี... พอดีมากจนตัวผมต้องลงไปนอนกับพื้นสกปรกๆ ของย่านสลัม โดยมีตัวเธออยู่ข้างบนอย่างเหมาะเจาะ
พึ่งจะรู้ว่า นอกจากจะเป็นกระสอบทรายให้ผู้ใหญ่เลวๆ ใช้ระบายอารมณ์แล้ว ผมยังเป็นเบาะรองได้อีกนะเนี่ย
"แง้ ทำไมมันโผล่มากลางอากาศอ่า" เธอคร่ำครวญกับตัวเองโดยไม่สนใจผมแม้แต่น้อย แน่ล่ะ ก็ผมมันแค่เบาะรองสำหรับเธอนี่
"หนัก..." คำพูดเพียงคำเดียวของผมทำให้เธอสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจทันที
"ว้าย ขอโทษน้า ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ" ในที่สุด เธอก็หันมามองเบาะโทรมๆ อย่างผมได้ อย่างน้อย เธอก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย เพราะสายตาของเธอดูสำนึกผิดจริงๆ
"ไม่เป็นไร" ผมปัดฝุ่นที่ติดอยู่ตามตัว แม้ว่ามันจะไม่ได้ทำให้ผมดูสะอาดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะหันกลับไปยังทางที่ผมต้องการจะไปตั้งแต่แรก...ไปฆ่าตัวตาย
แต่ยังไม่ทันจะออกเดิน ผมก็ต้องชะงักเพราะมีมือเล็กๆ เอื้อมมาจับไว้ซะก่อน
"เจ้าบาดเจ็บหนิหน่า" ดวงตาของเธอจ้องมาที่ผมอย่างเป็นห่วง...แบบที่ผมไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน "ให้ข้ารักษาให้นะ"
มือนุ่มของเธอกุมมือหยาบกร้านของผมไว้แน่น ก่อนเริ่มพึมพำอะไรบางอย่าง เด็กคนนี้คงสติไม่ค่อยดีล่ะมั้ง เออ ไม่น่า ถึงมาเป็นห่วงคนอย่างผมได้ แต่ขณะที่กำลังคิดเพลินๆ อยู่นั่นเอง ผมก็รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด บาดแผลฟกช้ำตามร่างกายเริ่มจางหาย ก่อนร่างทั้งร่างจะกลับเป็นปกติอย่างสมบูรณ์แม้ร่างกายจะยังเลอะเลือดเกรอะกรังและเต็มไปด้วยความสกปรกก็ตาม
เธอเป็นใคร มาจากไหน และทำอะไรกับผมกันแน่?
"เฮ้อ ใช้เวทที่โลกนี้เปลืองพลังจังเลยอ่า สงสัยจะใช้พลังไม่ได้อีกนานเลยนะเนี่ย" เด็กหญิงคนนั้นย่นจมูก แต่สักพัก ใบหน้าน่ารักเหมือนตุ๊กตานั้นก็กลับมาเป็นสดใสเหมือนเดิม "รู้แล้ว ให้ข้าพักอยู่กับเจ้าซักพักนะ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ช่วยรักษาให้ก็ได้"
"อ๊ะ แต่ข้าก็เป็นคนทำให้เจ้าบาดเจ็บต้องสมควรเป็นคนรักษาอยู่แล้วนี่หน่า" ร่างเล็กกลับมาขมวดคิ้ว "แต่ว่าจะให้ข้า... ว้า ทำไงดีล่ะ"
ท่าทางของเธอทำเอาผมเริ่มขำ และผมก็พูดสิ่งที่ผมคิดไม่ถึงออกไปจนได้ ให้ตายสิ คนที่แทบเอาตัวเองไม่รอดอย่างผมนี่นะจะพูดประโยคนี้
"มาพักอยู่กับฉันก็ได้"
"ว้าว ขอบคุณค่ะ ใจดีจังเลย" เด็กหญิงคนนั้นส่งยิ้มกว้างมาให้ผม "อ๊ะ ข้าชื่อคาร์ดิเนีย ยินดีที่ได้รู้จักนะ คุณคนต่างมิติ"
"...เรียกอัลเถอะ"
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
"นี่ อัลๆ มีเสียงเพลงออกมาจากไอ้นี่ด้วยแหล่ะ" ร่างเล็กชี้ไปที่ของอย่างหนึ่ง ดวงตากลมโตของเธอเบิ่งกว้างด้วยความประหลาดใจ แก้มบางขึ้นสีชมพูระเรื่อทำให้ใบหน้าเล็กนั้นยิ่งน่ามองเข้าไปใหญ่ แม้ว่าเธอจะยืนอยู่ข้างกองสิ่งของที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นกองขยะก็เหอะ (ความจริงมันคือกองขยะเลยแหล่ะ ไม่บอกก็รู้ใช่มั๊ยว่าผมพาเธอมาเก็บขยะขายน่ะ)
"นั่นเขาเรียกว่ากล่องดนตรี พอหมุนตรงนี้มันจะมีเพลงออกมา" ผมหยิบกล่องดนตรีที่ข้างบนเป็นรูปปั้นเทวดาปีกหักขึ้นมา พร้อมจับมันหมุน 3-4 รอบ เสียงเพลงดังขึ้นมาทันทีที่ผมปล่อยมือ เป็นทำนองเพลงที่ผมคิดว่ามันเชื่องช้าและแสนเศร้า แต่เธอกลับยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม...ดูเหมือนเธอจะชอบมันแฮะ
"เก็บไว้ก็ได้นะ" ผมพูดพลางยื่นสิ่งที่อยู่บนมือให้เธอ (เล่นง่ายครับ ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อ)
"จริงหรอ ขอบคุณนะ" มือเล็กรับเจ้ากล่องดนตรีโทรมๆ นั้นไปอย่างดีใจ ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้
คาร์ดิเนียมาอยู่กับผมได้เกือบเดือนแล้ว ผมรู้แค่ว่าเธอมาจากโลกเวทมนตร์และกำลังตามหาอะไรบางอย่างอยู่เท่านั้น เธอชอบออกไปข้างนอก บางทีเธอก็หายจากบ้านผุๆ ของผมไปหลายวันทำให้ผมเป็นห่วง แต่ทุกครั้งที่เธอกลับมา เธอก็ทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้ง ...ทุกครั้งที่เธออยู่ข้างๆ เธอก็ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขแบบที่ผมไม่สามารถบรรยายได้
ผมคงหลงรักเธอเข้าแล้ว... ไม่สิ ผมคงหลงรักเธอตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกแล้วด้วยซ้ำ...
วันนั้น ผมเดินกลับบ้านด้วยหัวใจพองโต ว่าคนอย่างผมก็ทำให้เธอมีความสุขได้เหมือนกัน แต่ทว่าความคิดนี้ก็อยู่ได้เพียงไม่นาน เพราะความจริงนั้นมันโหดร้ายกว่าความฝันมากนัก
"โอ้ ไอ้หนูมันพาแฟนมันมาด้วยโว้ย" นั่นไง เสียงจากนรกมันมาแล้ว ผมขยับตัวเข้าบังคาร์ดิเนีย ดวงตาจ้องพวกนั้นเขม็ง ผมจะไม่ยอมให้มันมาทำร้ายเธอเด็ดขาด
"บอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบให้แกจ้องแบบนั้น พวกเราให้แกซุกหัวอยู่ที่นี้ก็บุญแค่ไหนแล้ว รู้จักสำนึกบุญคุณกันบ้างสิวะ" มันพูดพลางหันไปหัวเราะกับเพื่อนๆ ในกลุ่ม พวกมันเป็นนักเลงที่คุมสลัมแห่งนี้ และเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เห็นผมเป็นแค่กระสอบทราย
"อย่ามายุ่งกับเขานะ!"
พวกมันชะงักเมื่อเห็นว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ อย่างคาร์ดิเนียบังอาจต่อปากต่อคำกับมัน คนที่ผมพยายามจะปกป้องพาตัวเองออกมายืนหน้าผม มือเล็กๆ ของเธอกางออกขวางพวกมันไว้ เธอกำลังพยายามจะปกป้องผม...
"จะว่าไป แม่หนูนี่ก็หน้าตาน่ารักไม่เลว โตขึ้นคงสวย เอาไปขายคงได้หลายตังค์..."
สติของผมขาดผึง ผมจะไม่ยอมให้พวกมันทำร้ายเธอเด็ดขาด มือเล็กหยาบกร้านกำหมัดแน่น แขนผอมเก้งก้างของผมเหวี่ยงออกจากลำตัว และ...เสยคางมันพอดี (ผมต่อยหน้ามันไม่ถึง)
"หนอย แก!!" มันกัดฟันกรอด เลือดไหลซิบๆ ออกจากริมฝีปากด้วยผลงานของผม "พวกเรา สั่งสอนมันให้รู้บ้างว่าพวกเราเป็นใคร"
พวกแกก็ไอ้เศษเดนนรกไง ผมตอบในใจ พาตัวเองเข้าต่อกรกับพวกมันอย่างไม่กลัวเกรง ผมจะไม่ยอมให้พวกนี้ข่มเหงกันไปมากกว่านี้แล้ว สายตาผมจ้องเขม็งไปที่คนที่ยืนอยู่หลังสุดซึ่งกำลังเอามือปาดเลือดออกจากปากของตนเอง ร่างกายของผมไม่สนหมัดหนักๆ ที่อัดเข้ามาตามลำตัว ถ้าล้มหัวหน้ามันได้ พวกนี้ก็จะถอยไปเอง
คุณคิดว่าผมจะชนะใช่มั๊ยฮะ คุณคิดผิดอย่างมหันต์ มันไม่มีทางเลยที่ว่าเด็กผอมเก้งก้างอย่างผม จะไปชนะนักเลงหัวไม้ร่างใหญ่เป็น 2 เท่าของผมซึ่งรุมเข้ามาอัดผมได้ หมัดของผมแค่สะกิดพวกมันเท่านั้น จะเข้าก็แค่หมัดแรกที่ผมเล่นมันทีเผลอเท่านั้นแหล่ะ
"จำไว้ ไอ้หนู อย่าซ่าอีก" มันเค่นหัวเราะ แล้วถุยน้ำลายลงบนหัวผม ทำให้ผมได้ตระหนักถึงความไร้พลังของตัวเองอีกครั้ง แต่อย่างน้อย พวกมันก็จากไปโดยไม่แตะต้องคนสำคัญของผม เอาเป็นว่าผมประสบความสำเร็จในการปกป้องเธอละกัน
"อัล อัล ไม่เป็นไรนะ" คาร์ดิเนียถลาออกมาพยุงผม สายตาของเธอที่จ้องมองมายังเต็มไปด้วยความห่วงใยไม่ต่างจากครั้งแรกที่พบเจอ มือเล็กๆ ของเธอลูบไล้ไปตามร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลของผม "ให้ข้ารักษา..."
"ไม่ต้อง" เสียงออกจากริมฝีปากแห้งผากของผม "ฉัน...ไม่อยากให้เธอต้องเสียพลังเพราะเรื่องแค่นี้... เพราะ...ฉัน"
"ก็เพราะเป็นเรื่องของอัลไงล่ะ"
คำพูดของเธอทำให้หัวใจผมพองโตด้วยความดีใจ หากแต่ผมต้องชะงักเมื่อพบว่าแก้มใสๆ ของเธอกำลังเปื้อนเปรอะไปด้วยหยาดน้ำตา
"ฉ... ฉันไม่เป็นไรจริงๆ" ผมรีบลุกขึ้นและเดินจ้ำกลับบ้านทันที เธอ...ร้องไห้เพื่อผมหรือนี่
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
"อัล โกรธหรอ" เสียงใสๆ ของเธอกล่าวกับผม หลังจากผมทำแผลให้ตัวเองเสร็จ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือเหมือนกับจะร้องไห้
"หะ?" ผมทำหน้าประหลาดใจส่งกลับไปให้แทนคำตอบ นี่เธอมองยังไงถึงว่าผมโกรธล่ะเนี่ย อ่อ ลืมไป หน้าผมมันเป็นอย่างงี้ตั้งแต่เกิดนี่หว่า
"ก็...ที่เธอต้องปกป้องฉันจนบาดเจ็บ"
"ไม่ได้โกรธสักหน่อย อีกอย่าง พวกนั้นก็ซ้อมฉันเป็นประจำอยู่แล้วล่ะ"
"อื้ม ค่อยโล่งอกหน่อย" เธอยิ้มอย่างดีใจ แต่ซักพักเธอก็ทำท่ากระวนกระวายอีกครั้ง "อ๊ะ ไม่ได้หมายความว่าโล่งอกที่อัลถูกซ้อมนะ เอ้อ คือว่า..."
มือของผมเลื่อนไปลูบหัวคนตรงหน้าด้วยความเอ็นดู เด็กอะไรน่ารักชะมัด
"อัล...ข้า..."
"อะไร?"
"พรุ่งนี้ ข้าต้องกลับบ้านแล้ว กลับโลกเวทมนตร์..."
เหมือนเวลาทั้งโลกหยุดชะงัก ผมพยายามจะมองข้ามเรื่องที่ว่าเธอมาจากอีกโลกหนึ่งมาตลอด แต่ในที่สุด ความจริงที่ผมปฏิเสธจะรับรู้ก็ออกมาจากปากของเธอจนได้ ผมรู้ว่าซักวันหนึ่งเธอจะต้องกลับไปสู่โลกของเธอ...รู้มาตลอด...แต่ไม่อยากจะยอมรับ...ไม่อยากรับรู้ว่าเธอต้องจากผมไป...ความหมายของการที่ผมมีชีวิตอยู่เพียงหนึ่งเดียวของผม...
"งั้นหรอ..." คำพูดผมออกมาได้แค่นั้น สมองผมแทบจะว่างเปล่า แต่เดี๋ยวก่อน ยังมีวิธีอยู่อีกนี่หน่า
"พาฉันไปด้วย"
"ไม่นะ ไม่ได้" เธอส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
"ทำไม ฉัน...อยู่ไม่ได้หรอกนะถ้าไม่มีเธอ ความจริงตอนนั้น ฉันกำลังจะฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ แต่เพราะมีเธอ...เพราะเธอทำให้ฉันรู้ถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่..."
"ที่โลกของข้ากำลังจะเกิดสงคราม จะให้อัลไปไม่ได้ อีกอย่าง...ข้าไม่มีพลังพอที่จะส่งคน 2 คนข้ามมิติได้" คาร์ดิเนียพูดพลาง น้ำตาก็ไหลลงมาอาบแก้มของเธออีกครั้ง "ไม่ต้องห่วงนะ ข้ารู้ว่าจริงๆ แล้วอัลแข็มแข็ง อัลต้องอยู่ได้แน่"
"คาร์ดิเนีย... ฉัน...เข้าใจแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องร้องไห้นะ" ผมยอมรับในที่สุด ผมทนไม่ได้ที่จะเห็นเธอเจ็บปวด... ทนไม่ได้ที่จะเห็นน้ำตาของเธอ
มีคนบอกว่า ยิ่งอยากให้เวลาผ่านไปช้าเท่าไหร่มันก็ยิ่งผ่านไปเร็วเท่านั้น ผมเพิ่งรู้ซึ้งถึงมันก็ตอนนี้เอง เมื่อวันพรุ่งนี้ที่ไม่อยากให้มาถึงมาถึงอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียว ผมก็กำลังยืนส่งเธออยู่เสียแล้ว
"ลาก่อน อัล ฉันจะไม่ลืมเธอเลย" คาร์ดิเนียหันมากล่าวกับผมเป็นครั้งสุดท้าย รอบๆ ตัวเธอเกิดเป็นกำแพงแสง ร่างของเธอค่อยๆ เลือนหายไปกับความสว่างจ้านั้น...
เท้าของผมก้าวออกจากจุดที่ยืนอยู่โดยไม่รู้ตัว สองเท้าสลับกันก้าวเดินอย่างเร็วขึ้นเรื่อยๆ มุ่งตรงไปหาเด็กหญิง หากแต่ยังไม่ทันถึงตัวเธอ เท้าของผมก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมีกำแพงที่มองไม่เห็นมาขวางกั้นระหว่างเรา สองมือของผมระดมทุบกำแพงนั้นอย่างสุดกำลัง แต่มันไม่มีทีท่าจะหายไปเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามกับร่างกายเธอที่จางลงทุกที
"คาร์ดิเนีย ฉันรักเธอ" ผมตะโกน ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้...เพื่อท่ายทอดความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจ "ได้ยินมั๊ย ฉันรักเธอนะ"
คาร์ดิเนียยกสองมือของเธอขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจ ก่อนหยาดน้ำตาจะพร่างพรูลงมาอีกครั้ง "ฉันก็รักเธอ ขอบคุณนะอัล ขอบคุณนะ..."
เธอพูดได้เพียงแค่นั้น แล้วร่างของเธอหายไปในแสงสว่างจนหมด
ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณที่ทำให้ผมได้รับรู้ถึงความสุขของการที่รักใครซักคน และความสุขของการที่มีใครซักคนมารัก แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้จบลงอย่างมีความสุข แต่ช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันนั้น จะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตราบจนสิ้นชีวิต...ความทรงจำที่มีค่ามากที่สุดสำหรับผม
...หยดน้ำจากดวงตาแข็งกร้าวร่วงลงมากระทบพื้น พร้อมๆ กับการจากไปของผู้เป็นที่รัก ตลอดกาล...
ผลงานอื่นๆ ของ A.T.Ruby ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ A.T.Ruby
ความคิดเห็น